‘ดาบคู่’ ได้กลับมาโบยบินบน พรีเมียร์ลีก อีกครั้งในฐานะทีมรองแชมป์ของ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยเก็บไปได้ถึง 91 แต้ม ทิ้งห่างโซนเพลย์ออฟอยู่ถึง 11 แต้มด้วยกัน และยังได้การันตีการเลื่อนชั้นก่อนจบฤดูกาลถึง 3 นัดอีกด้วย

หนล่าสุดที่พวกเขาได้เล่นบนลีกระดับบนคือในฤดูกาล 2019-20 ภายใต้การคุมทีมของ คริส ไวลด์เดอร์ และก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการจบในอันดับที่ 9 เป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกด้วย

แต่พอมาถึงในฤดูกาลถัดมา ก็เริ่มโดน ‘อาถรรพ์ฤดูกาลที่ 2’ ฟอร์มการเล่นของพวกเขาพลิกจากหน้ามือเป็นหลังทีน โดยที่ไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยแม้แต่นัดเดียวในช่วงครึ่งซีซั่นแรก และจบด้วยการเป็นบ๊วยของตารางคะแนน พร้อมด้วยสถิติยิงได้เพียง 20 ประตูเท่านั้น ซึ่งน้อยที่สุดเทียบเท่ากับที่ ดาร์บี้ เคาท์ตี้ เคยทำเอาไว้เมื่อฤดูกาล 2007-08

มาพูดถึงในฤดูกาลที่ผ่านมากันบ้างดีกว่า พวกเขาอาจจะไม่ได้ฟอร์มร้อนแรงเหมือนกับ เบิร์นลีย์ ที่เข้าป้ายได้แชมป์ไปตั้งแต่เนิ่นๆ แต่พวกเขาก็มีความสม่ำเสมอมาโดยตลอด รวมถึงเกมรับที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาเสียประตูไปเพียง 36 ประตูเท่านั้น เป็นรองเพียงแค่ทีมของ แวงซองต์ กอมปานี

ในช่วง 10 นัดแรกของฤดูกาล พวกเขาพ่ายแพ้ไปเพียงแค่นัดเดียว รวมถึงช่วงกลางฤดูกาลก็มีการทำสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันถึง 10 นัด โดยเป็นการคว้าชัยชนะไปแล้วถึง 8 นัดด้วยกัน และในเดือนสุดท้ายก็ยังชนะรวดจนคว้าตั๋วใบ 2 ในการเลื่อนชั้นมาครองเอาไว้ได้

ทางด้านนักเตะของพวกเขา ยังคงมีแข้งชื่อคุ้นหูที่เคยได้ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก เมื่อหนก่อนอยู่ด้วย อย่างเช่น โอลี่ แม็กเบอร์นี่, โอลิเวอร์ นอร์วู้ด, คริส บาแช่ม, จอห์น เฟล็ค, แจ็ค โอคอนเนล รวมถึงอดีตดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล อย่าง เรียน บริวสเตอร์

แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ อิลลิมาน เอ็นดิอาย แข้งวัย 23 ปี ที่ลงครบทั้ง 46 เกมในลีกรอง และยังเป็นดาวซัลโวของทีมด้วยจำนวน 14 ประตูกับ 11 แอสซิสต์ ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงของเจ้าตัวก็ไปเตะตาหลายต่อหลายสโมสร ซึ่งอาจทำให้เขาไม่ได้อยู่เล่นในถิ่น บรามอลล์ เลน ต่อไปในฤดูกาลหน้าก็เป็นได้

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมารอดูกันว่า เชฟฯ ยูไนเต็ด จะสร้างเซอร์ไพรส์ได้แบบหนก่อนที่เลื่อนชั้นขึ้นมาได้หรือไม่ และถ้าหากพวกเขาทำได้ จะยืนระยะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว

เขียนโดย The Lite Team.